เกร็ดความรู้ต่างๆ

ประเภทต่างๆ ของหนัง

หนังแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. หนังแท้ หมายถึง หนังที่ได้จากสัตว์ต่างๆ เช่น หนังวัว หนังจระเข้ หนังหมู หนังปลากระเบน เป็นต้น
การนำหนังมาใช้ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1.1 หนังดิบ ได้จากสัตว์ที่ตายแล้ว นำมาใช้ประโยชน์ได้โดยตรง เช่น ทำหนังกลอง หนังตะลุง เป็นต้น
1.2 หนังฟอก เป็นหนังดิบที่ผ่านการฟอก เพื่อไม่ให้หนังเน่าเปื่อย มีลักษณะอ่อนนุ่ม เรียบ สม่ำเสมอ
สีสันสวยงาม มีความหนาตามต้องการ

แบ่งประเภทของหนังแท้ออกเป็น 4 ประเภท ได้ดังนี้
1.1 Full grain เป็นหนังชั้นแรกที่มีลวดลายของหนังธรรมชาติอยู่ หลังจากผ่านการฟอกหนังแล้ว
จะนำมาตกแต่ง โดยการพ่นเงาเน้นลวดลายของตัวหนัง
1.2 Split เป็นหนังที่อยู่ชั้นกลาง โครงสร้างของเนื้อหนังยังคงมีโครงสร้างที่ดี จึงนำไปผลิตเป็นหนัง Nubuck
หรือ Suede และยังสามารถนำไปเคลือบพียูเพื่อสร้างลวดลายเทียมได้
1.3 Lining เป็นหนังชั้นสุดท้าย ส่วนใหญ่จะถูกนำไปทำซับในในผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง
1.4 Bonded leather เป็นเศษหนังนำไปผสมกับกาวและนำมาทำเป็นม้วนหรือแผ่น
หลังจากนั้นก็ผ่านการเคลือบด้วยพียู สามารถนำไปใช้ได้ทุกส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง

2. หนังเทียม หมายถึง สารสังเคราะห์ที่้มีลักษณะคล้ายหนังแท้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ
2.1 หนังเทียมประเภทเลียนแบบหนังแท้ หมายถึง หนังเทียมที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในลักษณะงานเช่นเดียวกับหนังแท้
ซึ่งส่วนมากจะพบในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น กระเป๋า เข็มขัด ฯลฯ ถ้าเป็นหนังแท้จะมีราคาแพงมาก
จึงจำเป็นต้องทำด้วยหนังเทียมเพื่อให้ได้ราคาที่ถูกกว่า
2.2 หนังเทียมประเภททดแทนหนังแท้ หมายถึง หนังเทียมที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้กับงาน ซึ่งถ้าใช้หนังแท้จะต้องสิ้นเปลืองมาก
หรือปริมาณของหนังแท้ไม่เพียงพอกับความต้องการของท้องตลาด

ข้อดีของหนังเทียม
1. มีราคาถูกกว่าหนังแท้
2. ทนแดด และความชื้นมากกว่าหนังแท้
3. มีพื้นผิวสม่ำเสมอ ไม่เสียเศษ ไม่ต้องเลือกตำแหน่งที่จะตัดใช้งาน
4. ดูแลรักษาง่าย
ข้อเสียของหนังเทียม
1. รับน้ำหนักได้ไม่เท่าหนังแท้
2. ฉีกขาดง่ายกว่าหนังแท้
3. มีความยืดหยุ่นน้อยกว่าหนังแท้

เรียบเรียง
Leather Mine Co., Ltd.
Copy right. All right reserved.